Biohacking เป็นเสมือนทางลัดไปสู่สิ่งที่คุณต้องการได้ง่ายขึ้น อนาคตจะเปลี่ยนแปลงอย่างไรต่อไป มนุษย์เราเองก็ต้องพัฒนาไปตามยุคตามสมัย เพื่อให้ใช้ชีวิตรอดในโลกที่แสนจะซับซ้อนนี้ ปรับตัว เข้าใจ แล้วคุณจะใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบายและง่ายมากยิ่งขึ้น
เทรนด์เกี่ยวกับสุขภาพกำลังพัฒนาไปไกลมาก ไกลจนบางทีเราก็คาดไม่ถึงกันเลยทีเดียว ปัจจุบันก็มีวิธีการมากมายในการที่จะดูแลสุขภาพให้เหมาะกับร่างกายของแต่ละคน เพราะฉะนั้นเราคงต้องทำความรู้จักกับร่างกายที่ซับซ้อนของเราให้มากขึ้นกว่าเดิม เพื่อการพัฒนาศักยภาพในการทำงานให้เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งวิธีการต่างๆในการดูแลร่างกายแบบใหม่นั้น มีชื่อเรียกว่า “ Biohacking ”
Biohacking ความหมายในที่นี้คือ bio ที่แปลว่า ชีวิต hacking คือการแฮกที่ความหมายคล้ายกับในการแฮกในระบบคอมพิวเตอร์ให้ใช้งานได้ตามที่ต้องการ เช่นเดียวกับร่างกาย การแฮกร่างกายคือการแฮกระบบร่างกาย ให้ทำงานได้ตามที่ต้องการ และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งคนที่ทำ Biohacking จะมีชื่อเรียกเฉพาะว่า Grinders
วิธีการแฮกร่างกายมีหลากหลายวิธี ตั้งแต่ทำได้ด้วยตัวเอง ไปจนถึงวิธีที่ซับซ้อนต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
Intermitant fasting (IF) วิธีง่ายๆเริ่มทำเองได้ IF
คือการทานและงดอาหารเป็นเวลา ตัวเลขที่ใช้ในการทำก็มีหลายสูตร แล้วแต่บุคคลทั้ง 16:8 คืองดอาหาร 16 ชั่วโมง ทานอาหารได้ภายใน 8 ชั่วโมง 19:5 / 5:2 และอีกหลายสูตรด้วยกัน
วิธีนี้จะช่วยลดน้ำหนัก กระตุ้นการเผาผลาญ สร้างกล้ามเนื้อ ลดความเสี่ยงต่อโรค และอีกมากมาย ที่จะส่งผลให้คุณดึงประสิทธิภาพในการทำงานออกมาใช้ได้เต็มที่มากขึ้น
Ketogenic Diet การทานอาหารแบบคีโตเจนิก
คือการเลือกทานอาหารที่มีไขมันสูง รองมาคือโปรตีน ลดคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาล วิธีนี้จะช่วยลดน้ำหนักได้ แต่ก็ต้องศึกษาข้อดีข้อเสียผลข้างเคียงต่างๆให้ละเอียดก่อนที่จะเริ่มทำด้วย
วิธีการทำ Biohacking มีอีกมากมาย ด้วยความหลากหลายของร่างกายมนุษย์ หลายคนก็ทำอยู่แล้วแต่ไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไร อย่างการที่รู้ว่าตัวเองแพ้อะไรแล้วหยุดทานสิ่งนั้น ก็ถือเป็น Biohacking เช่นกัน
ซึ่งก็มีวิธีการเกิดใหม่ขึ้นเรื่อย ๆ ทั่วโลกตามความเหมาะสม แต่วิธีที่ว่าคาดไม่ถึงคือวิธีการฝังชิปเข้าไปในร่างกาย!!
เรื่องราวที่เราเห็นในหนัง อย่างการฝังชิปเข้าไปในร่างกาย มันเกิดขึ้นจริงๆแล้วในปัจจุบัน ถ้าใครเคยดูซีรี่ย์อย่าง Black Mirror ตอน Arkangle ที่มีการฝังชิปเข้าไปในศีรษะของลูกแล้วติดตั้งโปรแกรมเชื่อมกับแท็บเล็ต เพื่อดูว่าลูกเห็นอะไรบ้าง และสามารถเบลอภาพที่แม่คิดว่าลูกไม่ควรเห็นได้
เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัวหรือว่ามีแค่ในหนังอีกต่อไปแล้ว..
การทำ Biohacking แบบนี้เรียกว่า DIYBio หรือ Do-It-Yourself Biology คือการใช้เทคโนโลยีชีวภาพเข้ามาเปลี่ยนแปลงระบบร่างกาย เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและเพิ่มสมรรถภาพของร่างกาย
ซึ่งในปัจจุบันก็ได้มีโปรดักส์ที่ช่วยแฮกขึ้นมามากมาย เช่น มาส์กปิดตา Dreamlight เครื่องมือที่จะช่วยปรับค่าแสง เสียง และคลื่นสัญญาณในการนอนหลับ ทำให้ผู้ที่สวมใส่หลับลึกและถูกปลุกให้ตื่นขึ้นในเวลาที่คำนวณไว้
การฝังชิปเข้าไปในร่างกาย ให้พนักงานที่สมัครใจของบริษัทผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มจากตู้ผลิตอัตโนมัติ Three Square Market ในสหรัฐอเมริกา ร่วมมือกับบริษัท Biohax ของสวีเดน ให้พนักงานใช้ชิปที่ฝังเข้าไปแทนการพกบัตรประจำตัวเพื่อล็อกอินเข้าบริษัท เข้าระบบคอมพิวเตอร์ หรือจ่ายเงินค่าสินค้าต่างๆเสมือนการสแกนคิวอาร์โค้ด
ในประเทศสวีเดนก็ได้มีการเริ่มฝังไมโครชิปเข้าไปในผิวหนัง แทนการพกบัตรประชาชน การเข้าทำงาน หรือแม้กระทั่งการซื้ออาหารจากตู้อัตโนมัติ
แต่ก็มีบางคนที่ใช้เพื่องานศิลปะ อย่าง Moon Ribas นักเต้นชาวสเปน ก็ได้ฝังชิปที่แขนของเธอเพื่อเชื่อมต่อกับเซ็นเซอร์ตรวจจับการสั่นสะเทือน เพื่อในงานศิบปะที่มีชื่อว่า Waiting for Earthquakes หรือใช้เพื่อความสนุกสนาน อย่าง Rich Lee ชาวอเมริกา ที่ใช้เวลาพัฒนาสิ่งที่มีชื่อว่า Lovetron9000 เป็นการฝังชิปที่สามารถสั่นได้บริเวณเชิงกรานเพื่อเป็นเซ็กส์ทอยอีกด้วย
ในประเทศไทยเราเองยังไม่เป็นที่แพร่หลาย แต่ยังไงในอนาคต เทคโนโลยีเหล่านี้ถูกพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ ก็คงหลีกเลี่ยงไม่พ้น แต่ยิ่งในประเทศที่เคร่งกับเรื่องความเชื่อต่างๆอย่างประเทศเรา การนำสิ่งเหล่านี้เข้ามาอาจเป็นไปได้แต่ก็คงต้องพบกับอุปสรรคบ้าง เพราะหลายคนก็บอกว่ามันอาจเป็นการก้าวข้ามเส้นศีลธรรมหรือจริยธรรมบางอย่าง
เขียนโดย G.nongluck
ที่มา the101world / bloomberg / tcdc / bbc